ReadyPlanet.com


การขายที่ดิน โดยติดสัญญาเช่า


 

          นาง   ก.  ได้เช่าที่นาของนาง  ข.  เพื่อทำนามาเป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน โดยสัญญาฉบับล่าสุด เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ระบุว่า เช่าที่นาผืนนี้เป็นเวลา 3 ปี โดยเสียค่าเช่าเป็นปีต่อปี จำนวนปีละ 2000 บาท โดยนาง   ข.  ได้พิมพ์ลายนิ้วมือแทนการลงชื่อ เพราะเขียนหนังสือไม่ได้ (พิมพ์ให้ด้วยความเต็มใจ เพราะหลังจากพิมพ์เสร็จนาง  ก.  ได้จ่ายค่าเช่า 2000 บาท ที่ต้องให้ในปีแรก)

 

            เดิมทีนั้น นาง  ข.  มีความประสงค์จะขายที่นามานแล้ว  และไม่นานมานี้  ฝ่ายนาง  ก.  ที่เช่าอยู่ก็มีกำลังพอที่จะซื้อ  แต่ปรากฏว่า นายหน้าได้พานาง  ข .  ไปหานาย  ส.  ที่จะซื้อที่ดินแล้ว โดยทั้งนายหน้าและนาย ส. ก็รู้ว่าที่ดินนี้ติดสัญญาเช่ากับนาง  ก.  อยู่ และได้ทำการซื้อขายโอนกันในวันที่ 20 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา (ทราบมาว่าที่ดินนี้ดอนเป็นชื่อของลูกเขยนาย  ส .  ไม่ใช่ตัวนาย  ส. เอง) โดยไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาแจ้งเกี่ยวกับการซื้อขายกัน แก่นาง  ก.  แต่อย่างใด เพราะคิดว่าสัญญาเช่าไม่มีผลอะไร (อาจจะคิดว่าสัญญาคงจะเป็นโมฆะไปเอง)

 

จนเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา นาย   ส.  นำพวกพ้องประมาณ 5-6 คน ทำการเลื่อยต้นโตลดที่อยู่บนคันนาให้ล้มลงในนาผืนนั้น โดยที่ในนาผืนนั้นนาง  ก.   ได้หว่านข้าวลงไป จนข้าวงอกเป็นต้นสีเขียวขึ้นมาแล้ว  โดย นาย  ส.  อ้างว่า ฝ่ายตนซื้อที่แล้วจะทำอะไรก็ได้  นาง  ก.  จึงนำกล้องถ่ายรูปถ่ายไว้เป็นหลักฐาน และไปลงบันทึกประจำวันไว้ในฐานที่นายสมชายและพวกร่วมกันทำลายทรัพย์สินของนาง  ก.  เพราะที่ดินเป็นชื่อของลูกเขยนาย  ส.  นายสมชายไม่ได้มีสิทธิ์แต่อย่างใด

 

ป.ล. ลูกชาวนาเองได้อ่าน พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524  มาบ้างแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจในภาษากฎหมายบางข้อ จึงขอถามคุณทนายว่า

 

1. หากนาย ส.  จะไม่รอให้ครบ 3 ปีตามสัญญา นาง   ก.  จะขอเรียกร้องค่าเสียหายตอบแทนที่ นาง  ก.  จะไม่ได้ทำนา ได้หรือไม่ ? 

- และหากว่าได้  นาง  ก.   ต้องไปเรียกร้องให้นาง  ข.  มาชดใช้ / หรือ /  เรียกร้องให้ฝั่ง นาย  ส.  มาชดใช้ / หรือ /ฝั่งนาย  ส.  ต้องไปเรียกร้องจาก  นาง.    มาชดใช้ให้นาง  ก.

- และหากว่าได้นาง  ก. จะสามารถเรียกร้องให้ชดใช้ให้ทั้งหมด 3 ปีตามสัญญาได้หรือไม่

                 2. กรณีที่นาย  ส. และพวก ซึ่งไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน มาทำลายข้าวในนาเช่นนั้น  นาย  ส.  จะมีความผิดแบบไหน  และโทษเป็นเช่นไร ( ฝั่ง นาง ก. เรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่ )

            3. เดิมที นาง  ข. ลังเลที่จะขายที่ให้ นาง  ก. แต่นายหน้าขู่ว่าฝ่าย นาย  ส.  นั่งรถมาจากต่างจังหวัด ถ้าไม่ขายให้ นาง  ข.  จะต้องเสียค่าเดินทางให้  เช่นนี้จะเอาผิดกับนายหน้าได้ด้วยหรือไม่คะ



ผู้ตั้งกระทู้ ลูกชาวนา (KoDeng_potato_-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-29 20:39:16 IP : 110.49.234.36


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3243812)

-ก็รู้สึกยินดีที่คุณบอกว่าได้ศึกษา   พรบ.การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตร พ.ศ. 2524   อาจไม่เข้าใจถ่องแท้แต่ก็คงพอรักษาสิทธิประโยชน์ของตนได้ตามสมควร

1. การเช่าที่นา  ต้องให้เช่าคราวละ 6 ปี  ถ้าในสัญญาระบุไว้  3  ปี  ต้องขยายเป็น  6 ปี    แต่ถ้าเจ้าของรายใหม่ยอมจ่ายค่าชดใช้ให้คุณ  และคุณพอใจ  คุณ(นาง ก.)ก็อาจเลิกสัญญาเช่าได้  แต่ถ้าคุณไม่ยินยอมเขาก็บังคับคุณไม่ได้.....การเรียกร้องต้องเรียกร้องจากผู้ให้เช่าเดิม(นาง ข.) จะเรียกร้องได้มากน้อยเพียงใด  ก็อยู่ที่การเจรจาตกลงกันครับ

2.การกระทำของ  ส. และพวก ย่อมมีความผิดข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีทั้งโทษทางอาญาและทางแพ่ง   การบุกรุกมีโทษจำคุก หนึ่งปี    ทำให้เสียทรัพย์มีโทษจำคุกสามปี  และสามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งได้อีกทางหนึ่งด้วย   ควรแจ้งตำรวจภายในสามเดือน  ตั้งแต่ทราบเรื่องการบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์  ถ้าแจ้งตำรวจอำนาจการเจรจาต่อรองของ  นาง ก. ย่อมมีมากขึ้น  เพราะถ้า  นาง ก. ไม่ยอมความ   ก็มีโอกาสถูกฟ้องศาล  ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ...

3.ตามเจตนารมย์ของกฎหมาย   ก็ให้เจ้าของที่นา ขายที่นาให้แก่ผู้เช่านาก่อน  ถ้าผู้เช่าไม่สามารถซื้อได้  จึงไปขายให้บุคคลอื่น......ก็ลองปรึกษาทนายความที่ไว้วางใจเพื่อรักษาสิทธิของตน  คือมีสิทธิซื้อที่นาได้ก่อน.....เป็นเรื่องทางแพ่ง   ต้องใช้สิทธิทางศาล  ก็ต้องคิดไตร่ตรองดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คงคา วันที่ตอบ 2011-04-30 07:42:12 IP : 113.53.103.25



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.