ReadyPlanet.com


พรากผู้เยาว์


ลูกชายผมถูกคดีพรากผู้เยาว์ศkลนัดฟังคำตัดสินวันที่ 23 ก.ค. 2555 ช่วงนี้ศาลให้หน่วยคุมความประพฤติสืบเสาะอยู่ เหตุกาณ์คือ ลูกชายผมอายุ 18 ปี 3 เดือน ไปมีสัมพันธ์แบบชู้สาวและได้เสียกับฝ่ายหญิงอายุ 15 ปี  8  เดือน โดยความเต็มใจของฝ่ายหญิง ประมาณ 4  ครั้ง ที่บ้านฝ่ายชาย ตอนรับมาจะขออนุญาตพ่อฝ่ายหญิงทุกครั้งเพราะฝ่ายหญิงอยู่กับบิดาเพราะแม่มีสามีใหม่อยู่คนละจังหวัด แม่ฝ่ายหญิงทราบข่าวเรื่องความสัมพันธ์ก็แจ้งตำรวจฝ่ายชายเข้าไกล่เกลี่ยจะหมั้นหมายเพื่อไว้แต่งในอนาคต ฝ่ายหญิงยอมแต่แม่ไม่ยอมจะเรียกร้องเป็นเงิน 2  แสนบาท เลยตกลงกันไม่ได้  อัยการจึงทำสำนวนฟ้องศาล ลูกชายผมรับสารภาพชั้นพนักงานสอบสวนและวันที่ศาลเรียกครั้งแรก ศาลก็นัดฟังคำตัดสิน วันที่ 23  ก.ค.55 ช่วงนี้หน่วยคุมประพฤติสืบเสาะอยู่ อยากถามผู้รู้ครับ

1.ฝ่ายผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ

2.ตามรูปคดีที่เล่าลูกชายผมจะโดนศาลตัดสินอย่างไรครับ

3.ลูกชายผมจะถูกจำคุกไหมครับ

4.วันฟังคำตัดสืนจะมีการซักถามจากศาลบ้างไหมครับ ลืมบอกครับ ลูกชายผมให้คำสารภาพว่ากระทำจริงในชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นศาลครับ เพราะกระทำจริงโดยความเต็มใจของฝ่ายหญิงแต่ถูกแม่ฝ่ายหญิงกีดกันจะเอาเงินอย่างเดียว ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกหนีไปมีผัวใหม่

5.ช่วยให้คำแนะนำทางแก้ไขด้วยครับลูกผมจะขึ้นศาลวันที่ 23  กค.นี้แล้ว



ผู้ตั้งกระทู้ พ่อคน :: วันที่ลงประกาศ 2012-06-25 10:48:00 IP : 182.93.182.133


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3290623)

 1.ฝ่ายผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ

ตอบ...คงไม่ต้องไปทำอะไร   ก็รอฟังคำพิพากษา   และควรเตรียมหลักทรัพย์ไว้  ถ้าศาลให้จำคุก  จะได้ขอประกันตัวและยื่่นอทธรณ์ต่อไปครับ

 
2.ตามรูปคดีที่เล่าลูกชายผมจะโดนศาลตัดสินอย่างไรครับ
 
ตอบ....เป็นดุลยพินิจของศาล.....ตามความเห็นส่วนตัว ศาลคงลดโทษให้ หนึ่่งสามหรือกึ่งหนึ่ง ตาม ปอ. ม.76  ซึ่งความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ตาม ปอ. ม.319  มีโทษ 2-10  ปี ก็คงลงโทษ 5 ปี  เมื่อไม่เคยต้องโทษมาก่อน  โอกาสได้รับการรอลงโทษไว้ (รออาญา) คือปล่อยตัวไป  ก็เป็นไปได้สูง(เป็นความเห็นเท่านั้น  ไม่ใช่...ศาล)
 
3.ลูกชายผมจะถูกจำคุกไหมครับ
 
ตอบ...เป็นดุลยพินิจของศาลครับ
 
4.วันฟังคำตัดสืนจะมีการซักถามจากศาลบ้างไหมครับ ลืมบอกครับ ลูกชายผมให้คำสารภาพว่ากระทำจริงในชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นศาลครับ เพราะกระทำจริงโดยความเต็มใจของฝ่ายหญิงแต่ถูกแม่ฝ่ายหญิงกีดกันจะเอาเงินอย่างเดียว ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกหนีไปมีผัวใหม่
 
ตอบ...เมื่่อนัดฟังคำพิพากษาแล้ว  คงไม่มีการสอบปากคำกันอีก  เว้นแค่ศาลยังมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามได้เสมอครับ
 
5.ช่วยให้คำแนะนำทางแก้ไขด้วยครับลูกผมจะขึ้นศาลวันที่ 23  กค.นี้แล้ว
 
ตอบ....ถ้าสามารถเจรจาประนีประนอมกับฝ่ายหญิงได้    คงมีผลต่อการตัดสินคดีพอสมควร  คือถ้าฝ่ายหญิงยอมรับเงินค่าเสียหาย  หรือยอมรับให้เด็กสมรสกัน   ก็ยื่นเรื่องสัญญาประนีประนอมให้ศาลรับไว้พิจารณา  โอกาสจะได้รับโทษเพียงรอการลงโทษ(รออาญา)ก็เป็นไปได้สูงครับ......แนวคำพิพากษาศ๋าลฎีกาเทียบเคียง
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  210/2554
 พนักงานอัยการจังหวัดสิงห์บุรี
      โจทก์
 
นายสันติ สุภาดี
      จำเลย
 
 
 
 
 
ป.อ. มาตรา 318, 319
 
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง, 215, 225
 
 
 
          จำเลยมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจาก น. มารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก ซึ่งโจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้อง แต่การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ไม่ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 319 วรรคแรก ซึ่งมีโทษเบากว่า มิใช่เรื่องเป็นข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลฎีกาลงโทษจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจากมารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225
 
 
 
________________________________
 
 
 
 
          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318
 
          จำเลยให้การปฏิเสธ
 
          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม ลงโทษจำคุก 7 ปี
 
          จำเลยอุทธรณ์
 
          ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
 
          โจทก์ฎีกา
 
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า นางสาว ช. เป็นบุตรของนาง น. และนาย ท. เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2530 พักอาศัยอยู่กับบิดามารดาที่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 2 ตำบลสิงห์ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี นางสาว ช. และจำเลยรู้จักกันตั้งแต่เดือนธันวาคม 2546 โดยจำเลยทำงานเป็นลูกจ้างของสหกรณ์การเกษตรบางระจัน เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2547 นางสาว ช. คลอดบุตรชาย คือ เด็กชาย อ. ได้มีการตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตรปรากฏว่า จำเลยเป็นบิดาของเด็กชาย อ. คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากนาง น. มารดาโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางสาว ช. เบิกความเป็นพยานว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 นางสาว ช. ไปเฝ้าบ้านให้นาง ส. ผู้เป็นย่าที่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 2 ตำบลสิงห์ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจาก นาง ส. ต้องเดินทางไปธุระที่กรุงเทพมหานคร บ้านของนาง ส. เปิดเป็นร้านขายของอยู่ใกล้กับสหกรณ์การเกษตรบางระจันที่ทำงานของจำเลย ต่อมาเวลาประมาณ 8 นาฬิกา จำเลยไปขอซื้อบุหรี่จากนางสาว ช. แล้วชักชวนออกไปธุระ นางสาว ช. ตกลงไปด้วย จำเลยขับรถกระบะมารับนางสาว ช. ไปที่ห้างสรรพสินค้าไชยแสง ซึ่งอยู่ที่อำเภอเมืองสิงห์บุรีต่อจากนั้นพาไปที่โรงแรมเอกบงกชซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสิงห์บุรีเช่นกันแล้วจำเลยข่มขืนกระทำชำเรานางสาว ช. แล้วจึงพานางสาว ช. ไปส่งที่บ้านของนาง ส. เมื่อเวลา 11 นาฬิกา หลังเกิดเหตุนางสาว ช. ไม่เคยพบจำเลยอีกและมิได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นฟังจนกระทั่งนาง น. สังเกตเห็นท้องนางสาว ช. โตจึงลูบคลำที่ท้องพบว่ามีเด็กดิ้นในท้อง นางสาว ช. จึงเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นาง น. ฟัง นาง น. เบิกความว่าเมื่อประมาณวันที่ 30 สิงหาคม 2547 พยานสังเกตเห็นนางสาว ช. มีรูปร่างอ้วนขึ้นจึงได้สอบถามและเอามือลูบที่ท้อง รู้สึกว่ามีเด็กดิ้นอยู่ในท้อง นางสาว ช. จึงเล่าให้ฟังว่าท้องกับจำเลยโดยจำเลยพาไปร่วมประเวณีที่โรงแรม เห็นว่า ขณะเกิดเหตุนางสาว ช. มีอายุ 16 ปีเศษ เรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ถือว่ายังอ่อนวัย การที่นางสาว ช. ไปมีเพศสัมพันธ์กับจำเลยเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ไม่สมควรจะเล่าให้ผู้อื่นฟังโดยเฉพาะกับนาง น. และนาง ส. ผู้เป็นย่าซึ่งเป็นผู้ปกครองหากทราบเรื่องแล้วอาจดุ ด่า เฆี่ยนตีนางสาว ช. ได้ เมื่อนาง น. รู้ความจริงว่านางสาว ช. ตั้งครรภ์ นางสาว ช. จึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นาง น. ทราบ เชื่อว่าเรื่องที่นางสาว ช. เล่าว่าจำเลยชักชวนและพานางสาว ช. ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าไชยแสงในอำเภอเมืองสิงห์บุรีจนไปมีเพศสัมพันธ์กันที่โรงแรมเอกบงกชในวันเกิดเหตุ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเพราะเป็นระยะเวลากะทันหัน นางสาว ช. ไม่มีโอกาสคิดไตร่ตรองสร้างเรื่องโกหกมารดาแต่ที่นางสาว ช. เบิกความว่า ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราในโรงแรมเอกบงกชนั้นได้ความจากคำเบิกความของนางสาว ช. ว่า เมื่อจำเลยขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าไชยแสงแล้วจำเลยขับรถเข้าไปในโรงแรมม่านรูด จอดรถในช่องจอดหน้าห้องพักของโรงแรมซึ่งเป็นห้องชั้นเดียว เมื่อจำเลยจอดรถเสร็จมีผู้นำผ้าม่านมาปิดที่ท้ายรถ จำเลยบอกให้นางสาว ช. นั่งรออยู่ในรถ ส่วนจำเลยลงจากรถเดินออกไปข้างนอกสักครู่ก็กลับมาและบอกให้นางสาว ช. เข้าไปรอในห้องซึ่งติดอยู่กับที่จอดรถ สักครู่จำเลยก็เดินตามเข้ามาในห้องพร้อมถือขวดเป็ปซี่ 2 ขวด เมื่ออยู่ในห้องจำเลยได้ร่วมประเวณีกับนางสาว ช. โดยนางสาว ช. พยายามขัดขืนแต่สู้แรงจำเลยไม่ไหวนั้น เห็นว่า ขณะที่จำเลยขับรถพานางสาว ช. เข้าไปในโรงแรมเอกบงกชและจอดรถอยู่หน้าห้องพักโดยมีผู้นำผ้าม่านมาปิดที่ท้ายรถ นางสาว ช. โตพอที่จะสังเกตได้แล้วว่าการนำผ้าม่านมาปิดท้ายรถก็เพื่อไม่ให้ผู้อื่นพบเห็นรถจำเลยในโรงแรมดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่ผิดปกติไปจากการจอดรถทั่วไป นางสาว ช. ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ตนสมควรเข้ามา และเมื่อจำเลยกลับมาที่รถบอกให้นางสาว ช. ไปรอในห้องพักหน้าที่จอดรถ นางสาว ช. ก็ยอมเข้าไปแต่โดยดีโดยจำเลยมิได้ใช้กำลังบังคับนางสาว ช. เข้าไปในห้องย่อมเห็นสภาพภายในห้องพักของโรงแรมแล้วว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่ตนจะอยู่รอจำเลยในห้องนั้นตามลำพังหรือไม่ และนางสาว ช. ก็รู้อยู่ว่าจำเลยกำลังจะเข้ามาในห้องพัก เมื่ออยู่กันตามลำพังนางสาว ช. ย่อมคาดหมายได้ว่าจำเลยอาจจะกระทำการอันไม่สมควรทางเพศกับตนได้ นางสาว ช. มิได้ถูกจำเลยควบคุมตัวหรือขู่ว่าจะทำร้ายแต่อย่างไร จึงมีโอกาสที่จะหลบหนีออกจากโรงแรมหรือห้องพักหรือปฏิเสธที่จะเข้าไปรอจำเลยในห้องพักและขอให้จำเลยพากลับไปส่งบ้านได้แต่นางสาว ช. มิได้กระทำการดังกล่าว ที่นางสาว ช. เบิกความถึงพฤติการณ์ที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราว่านางสาว ช. ได้ดิ้นรนขัดขืนแล้วแต่สู้แรงของจำเลยไม่ได้นั้น ได้ความจากคำเบิกความของนางสาว ช. ว่า จำเลยเพียงแต่ใช้มือขวารัดมือทั้งสองข้างของนางสาว ช. ไว้เท่านั้นส่วนมือซ้ายถอดเสื้อผ้าของนาวสาว ช. และถอดกางเกงและกางเกงในของจำเลยออกโดยจำเลยไม่มีอาวุธหรือพูดขู่บังคับ การกระทำเพียงเท่านี้ของจำเลยเชื่อว่านางสาว ช.สามารถดิ้นรนขัดขืนจำเลยได้ พฤติการณ์ที่นางสาว ช. ไปเที่ยวกับจำเลยที่ห้างสรรพสินค้าไชยแสงในเขตอำเภอเมืองสิงห์บุรี ยอมเข้าไปในโรงแรมเอกบงกชกับจำเลยรอจำเลยในรถหน้าห้องพักภายในโรงแรมและเข้าไปรอจำเลยในห้องพักจนมีการร่วมประเวณีกับจำเลยนั้น เป็นไปด้วยความเต็มใจของนางสาว ช. เองทั้งสิ้น เมื่อนางสาว ช. กลับมาถึงบ้านย่อมไม่เล่าเรื่องที่ตนเองไปมีเพศสัมพันธ์กับจำเลยที่โรงแรมเอกบงกชให้นาง น. ฟังทันทีโดยอาจกลัวนาง น. ซึ่งเป็นมารดาโกรธและอาจถูกเฆี่ยนตีได้จนกระทั่งนางสาว ช. ตั้งครรภ์และนาง น. รู้เรื่องการตั้งครรภ์นั้น นางสาว ช. ไม่อาจปกปิดเรื่องที่ตนไปมีเพศสัมพันธ์กับจำเลยได้อีกต่อไปจึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับจำเลยให้นาง น. ฟัง ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า วันเกิดเหตุไม่ใช่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 นั้นเพราะตามรายงานผลการตรวจชันสูตรระบุวันเกิดเหตุวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 เอกสารและคำเบิกความจึงแตกต่างกันในเรื่องวัน เวลากระทำผิดอันเป็นสาระสำคัญนั้น เห็นว่า เอกสารดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่นาง ส. และนาง น. มาแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยต่อพนักงานสอบสวนและให้ถ้อยคำไว้ ตามบันทึกดังกล่าวระบุวันเกิดเหตุว่าเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 วันที่พนักงานสอบสวนระบุว่าเกิดเหตุเป็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2547 จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นการลงวันที่ผิดพลาดของพนักงานสอบสวนเท่านั้น ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้ว่าวันเกิดเหตุคือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า ตามบันทึกการเข้าออกของโรมแรมเอกบงกชไม่ปรากฏรายการว่าจำเลยขับรถของจำเลยเข้าโรงแรมดังกล่าว เห็นว่า บันทึกการเข้าออกของลูกค้าโรงแรมเอกบงกชระหว่างวันที่ 4 ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2547 นั้นบางรายการก็ไม่ได้จดหมายเลขทะเบียนรถที่เข้ามาใช้บริการจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าบันทึกตามเอกสารหมาย จ.8 บันทึกไว้ถูกต้องพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ส่วนการที่นาง ส. ชี้สถานที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 2 ตำบลสิงห์ อำเภอบางรจัน ซึ่งเป็นบ้านของนาง น. มิใช่บ้านเลขที่ 81 ของนาง ส. นั้น เห็นว่า ข้อหาว่าเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจากบิดามารดาโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย ซึ่งบ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 2 ดังกล่าวเป็นบ้านของนาง น. มารดานางสาว ช. และนางสาว ช. อยู่อาศัยด้วยจึงเป็นสถานที่เกิดเหตุเช่นกัน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 เวลาประมาณ 8 นาฬิกา จำเลยชักชวนและพานางสาว ช. ผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าไชยแสงในเขตอำเภอเมืองสิงห์บุรีแล้วพาไปที่โรงแรมเอกบงกช จำเลยกระทำชำเรานางสาว ช. โดยนางสาว ช. ยินยอม แต่นาง น. มารดานางสาว ช. มิได้ยินยอมให้จำเลยพานางสาว ช. ไปเพื่อการอนาจาร จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจากนาง น. มารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก ซึ่งโจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้อง แต่เห็นว่าการพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดไม่ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 319 วรรคแรก ซึ่งมีโทษเบากว่า มิใช่เรื่องเป็นข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลฎีกาลงโทษจำเลยในความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปจากมารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
 
          พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคแรก ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี
 
 
 
 
 
 
( โสพส สุวรรณเนตร์ - ชีพ จุลมนต์ - ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ) 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-06-25 12:24:08 IP : 180.180.27.245


ความคิดเห็นที่ 2 (3290722)

1.ฝ่ายผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ

ตอบ...คงไม่ต้องไปทำอะไร   ก็รอฟังคำพิพากษา   และควรเตรียมหลักทรัพย์ไว้  ถ้าศาลให้จำคุก  จะได้ขอประกันตัวและยื่่นอทธรณ์ต่อไปครับ

เพิ่มเติมครับ

1.ขั้นตอนประกันตัวและการยื่นอุธรณ์ต้องทำอย่างไรบ้างครับ  

2. ผมยื่นประกันตัวและอุทรณ์เองใช่ไหมครับหรือให้ทนายยื่นครับ

3.ยื่นอุธรณ์และประกันตัวตอนไหนครับ

4.คดีนี้ศาลจัดหาทนายใช่ไหมครับเพราะเป็นคดีอาญา 

ผู้แสดงความคิดเห็น พ่อคน วันที่ตอบ 2012-06-26 08:58:53 IP : 182.93.182.133


ความคิดเห็นที่ 3 (3290809)

 1.ขั้นตอนประกันตัวและการยื่นอุธรณ์ต้องทำอย่างไรบ้างครับ  

ตอบ...ถ้าศาลตัดสินให้ลงโทษจำคุก  ก็มีการออกหมายขัง  ส่งเข้าเรือนจำ   ต้องยื่นเรื่องขอประกันตัว  เพื่ออุทธรณ์คำพิพากษา   ถ้าใช้บริการของนักประกันอิสระ  ที่คอยให้บริการอยู่ในบริเวณศาล ดำเนินการให้  ย่อมสะดวกกว่า  เพราะเป็นมืออาชีพ ค่าบริการประมาณ  10% ของอัตราค่าประกันตัว  คดีนี้คงตีราคาประกันตัวประมาณ  200,000  บาท  ค่าบริการก็คงประมาณ 20,000   บาท  แต่ถ้ามีหลักทรัพย์ของตนเอง  จะยื่นของประกันตัวเองก็ได้  ถ้าเป็นที่ดิน  ควรไปยื่นเรื่องให้ที่ดินประเมินราคาและออกหลักฐานรับรองให้ก่อนจะไปฟังคำพิพากษา   ถ้ามีความจำเป็นจะได้นำออกมาใช้ได้ทันที...ติดต่อยื่นเรื่องที่ฝ่ายธุการศาลครับ

 
2. ผมยื่นประกันตัวและอุทรณ์เองใช่ไหมครับหรือให้ทนายยื่นครับ
 
ตอบ...ตามข้อ 1  คือยื่นเองได้  ถ้ามีหลักทรัพย์พร้อม   หรือบุคคลที่อยู่ในเงื่่อนไขที่กำหนด  เช่นต้องเป็น ญาติสนิทหรือบิดา มารดา  หรือข้าราชการระดับ 5 ขึ้นไป 
 
3.ยื่นอุธรณ์และประกันตัวตอนไหนครับ
 
ตอบ....ควรยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวก่อน(ประกันตัว)   การยื่นอุทธรณ์  ต้องยื่นภายในหนึ่่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษา  ถ้ามีเหตุตำเป็นก็ยื่นขอขยายเวลาได้    แต่ต่องยื่นก่อนครบหนึ่งเดือน  ถ้าศาลไม่อนุญาต ก็ต้องยื่นภายในหนึ่งเดือน   ควรให้ทนายความช่วยเหลือครับ
 
4.คดีนี้ศาลจัดหาทนายใช่ไหมครับเพราะเป็นคดีอาญา 
 
ตอบ....ควรแจ้งศาลแต่แรกว่า  ให้ศาลจัดหาทนายความให้  แต่เมื่อปล่อยเวลามาจนศาลนัดฟังคำพิพากษา   ก็คงน่าจะสายเกินไป...แล้วการต่อสู้ในศาลที่ผ่านมาดำเนินการอย่างไร  มีทนายความหรือไม่   แต่คดีนี้ต้องมีทนาย ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-06-27 08:36:01 IP : 180.180.18.144


ความคิดเห็นที่ 4 (3290820)
4.คดีนี้ศาลจัดหาทนายใช่ไหมครับเพราะเป็นคดีอาญา 
 
ตอบ....ควรแจ้งศาลแต่แรกว่า  ให้ศาลจัดหาทนายความให้  แต่เมื่อปล่อยเวลามาจนศาลนัดฟังคำพิพากษา   ก็คงน่าจะสายเกินไป...แล้วการต่อสู้ในศาลที่ผ่านมาดำเนินการอย่างไร  มีทนายความหรือไม่   แต่คดีนี้ต้องมีทนาย ครับ
 
ผมกับลูกชายเพิ่งไปศาลครั้งเดียวครับ พอไปถึงเขาก็ให้กักบริเวณใต้ล่างศาลและประมาณ 2 ชั่วโมงก็มีเจ้าหน้าที่ศาลถามว่าโจกย์แจ้งว่าพรากผู้เยาว์รับไหมลูกผมก็รับสารภาพก็แค่นั้นครับ  ผมก็ทำเรื่องประกันตัวเสร็จก็นำใบสืบเสาะไปให้หน่วยสืบเสาะ ก็เท่านั้นครับ ผมเลยไม่รู้ว่าต้องแจ้งศาลตอนไหนเรื่องทนาย  ก่อนฟังคำตัดสินผมแจ้งขอทนายที่หน่วยสืบเสาะได้ไหมครับ  หรือแจ้งความประสงค์ที่ไหนได้ ช่วยแนะนำหน่อยครับ  ขอบคุณมากๆ ครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น พ่อคน วันที่ตอบ 2012-06-27 09:58:06 IP : 182.93.182.133


ความคิดเห็นที่ 5 (3316341)

 ตอนนี้ผมมีคดีพรากผู้เยาว์ กระทำชำเราเด็กอายุ13ปี10เดือน เมื่อปี2549โดนจับปี2556แต่ไม่ได้หนีนะครับ แต่ตกลงกับแม่ของเด็กและเยียวยาแล้ว และทำหนังสือส่งให้ศาลได้พิจารณา ผมเป็นความผิดครั้งแรกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ในชั้นศาลผมให้การรับสารภาพ และศาลนัดสืบประกอบ  ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ และมีโอกาศรอการลงอาญาหรือไม่ครับ ช่วยตอบผมด้วยนะครับ ตอนนี้เครียดมากเลยครับ ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พงษ์เทพ วันที่ตอบ 2014-03-04 13:05:46 IP : 223.206.174.108


ความคิดเห็นที่ 6 (3854394)

 รบกวนทีค่ะ! คือว่าน้องสาวอายุ18 ปี.2 อาทิตย์ กับฝ่ายชาย 19 ปี 9 เดือนสามารถโดนคดีพรากผู้เยาว์ได้ไหมค่ะ โดนแบบไหนถ้าโดนค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น risa (kitkit9999-at-outlook-dot-com)วันที่ตอบ 2015-08-11 20:49:04 IP : 171.99.2.77


ความคิดเห็นที่ 7 (4116709)

 สวัสคีครับ. ผมมีเรื่องอยากสอบถามและอยากรู้คร้บ.

 คือ.ลูกสาวและเพื่อนรวมกัน3คนเป็นผู้เสืยหาย ในคดีขมขืนพากผู้เยาว์มีจำเลยร่วมรวมกัน 6คน

คดีถึงที่สุดแลัวศาลตัดสืนจำเลยคนคนที่1. 90ปี ลดเหลือ60ปืผู้ต้องหายืนประกันชั้นศาลอุทร . ศาลอุทร. ภาค4  มีคำตัดสินมาว่าลดโทษให้10ปีเหลือให้จำคุก50ปีและให้จ่ายเงินให้แก่ผู้เสียหายที่1.จำนวน50.000บาทผู้เสียหาย2และที่3คนละ40.000บาทปะเด็ดอยู่ที่ว่าตอนจำเลยอยุ่ในเรือนจำครับเขากำลังจะยื่นประกันครับ. ผมเลยอยากถามว่าจำเลยยังมีสิทธิ์ประกันได้อีกหรือครับทั้งที่เงินที่ศาลสั้งให้จำเลยจ่ายให้กับผู้เสียหายก็ยังไม่จ่ายเลยครับแลัวคำตัดสินของศาลอุทร. ให้จำคุกตั้ง50ปีครับ

เลยมีคำถามอยู่1ผู้ต้องหามีสิทธิ์ประกันมั้ยครับ 2.ประกันแบบใหนครับออกหรือขอลดโทษครับ3.เงินที่ศาลสั้งให้จำเลยจ่ายจะได้มั้ยครับนานหรือเปล่า

ผู้แสดงความคิดเห็น นาย อภินันต์ และเพื่อนรวมคดี วันที่ตอบ 2017-01-16 12:50:41 IP : 49.230.237.61


ความคิดเห็นที่ 8 (4183098)

 คดีพรากผู้เยาว์ เด็กอายุ13 

ประกันตัวเท่าไหร่ครับ 

ถ้าประกันเเล้วได้คืนมั้ย.???

ผู้แสดงความคิดเห็น จักรกฤษณ์ วันที่ตอบ 2017-05-12 06:29:08 IP : 122.155.35.209


ความคิดเห็นที่ 9 (4342760)

 อยากทราบค่ะคดีพรากผู้เยาว์กับกระทำชำเราผู้ชายกับผู้ชายเด็ดผู้ชายคนนี้อายุ17ปีลูกชายแม่อายุ19ปีเด็กผู้ชายคนนี้พร้อมใจไปกับลูกชายเราทั้งๆๆที่เพื่อนและญาติเขาชวนกับด้วยเขาไม่กลับแต่ไปกับลูกชายแม่แต่ลูกชายแม่ก้อรับสารภาพกับตำรวจว่าได้กระทำการละเมิดจริงตั้งแต่ยุ่สถานีตำรวจเพราะต่างคนต่างเมาแม่มารุ้อีกทีลูกชายแม่ถูกจำคุกไปแล้วตอนนี้50วันศาลจะตัดสินวันที่14พ.ย2562นี้แล้วแต่ลูกแม่ไม่มเคยต้องโทษน่ะคะแต่คู่กรณีเรียกค่าเสียหายแม่ตั้ง100000บาทแม่หาให้เขาไม่ได้แต่แม่ได้ไปเยียวยาให้เขาแค่5000เพราะแม่ไปกู้เงินรายวันมาแม่มีภาระมากดูแลคนพิการถึง3คนลูกแม่อีก2คนแม่เหนื่อยมากแม่เครียดที่สุดแม่อยากถามว่าสรุปแบบนี้ลูกชายแม่จะได้รับการปล่อยตัวไหมค่ะรึที่เขาเรียกกันว่ารอลงอาญาน่ะค่ะขอบคุนน่ะค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ปทิตตา ปานอินทร์ วันที่ตอบ 2019-11-12 21:47:33 IP : 223.207.243.164



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.